เคล็ดลับในการพัฒนาตัวเองและก้าวไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยี
หลังจากที่ต้องอยู่กับโควิดมาหลายปี ไลฟ์สไตล์ของคนไทยก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิต การทำงานหรือแม้กระทั่งการทำงานอดิเรกก็ตาม แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการที่คนไทยนำเทคโนโลยีมาใช้กันอย่างแพร่หลาย จาก รายงาน Thailand Digital Stat 2021 ของ We Are Social ที่เจาะลึก Insight ที่เกิดขึ้นกับคนไทยและการตลาดออนไลน์ของไทยในปีที่ผ่านมา พบว่า 69% ของคนไทยอยู่บนโลกออนไลน์เรียบร้อยแล้ว และ 1 ใน 3 ของคนไทยทำธุรกรรมทางการเงินทางออนไลน์
จะเห็นได้ว่า จากที่เทคโนโลยีเคยเป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่ช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้ก้าวเข้าไปอยู่ในชีวิตของคนไทยอย่างเต็มรูปแบบ แล้วเราจะใช้เทคโนโลยีให้เต็มที่ได้อย่างไร และเทคโนโลยีสามารถช่วยพัฒนาตัวเราให้ก้าวทันโลกได้อย่างไร?
พัฒนาการสื่อสาร
ตั้งแต่ที่ทุกคนบนโลกต้องอยู่กับโควิด-19 การติดต่อสื่อสารแบบ face-to-face ก็ลดน้อยลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นระดับคนใกล้ตัว เพื่อน ครอบครัว หรือระดับธุรกิจขนาดเล็กใหญ่ ทุกคนต่างต้องหันมาใช้เทคโนโลยีช่วยในการสื่อสารกันทั้งสิ้น
ในประเทศไทย ตัวแทนหลายคนหันมาใช้ LINE ในการสื่อสาร ช่องทางหลักที่พบได้บ่อยคือ LINE Official Account หรือ LINE@ ซึ่งสามารถช่วยกระจายข่าวหาคนจำนวนมากได้ภายในครั้งเดียว นอกจากนี้ หากต้องพบปะลูกค้า ตัวแทนส่วนใหญ่ก็เลือกใช้ Zoom ในการพูดคุยแบบเห็นหน้าเพื่อให้การสื่อสารราบรื่นขึ้น ทว่า แอปต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นช่องทางที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ เราจะทำอย่างไรหากเราต้องการพัฒนาการสื่อสารของเราให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น อย่างที่คุณชัยมงคล ตัวแทนและสมาชิก MDRT 7 ปี ได้แบ่งปันเทคนิคที่ตนใช้ไว้ว่า “ทางทีมงานของเราจะทำ website เพื่อสร้างความหน้าเชื่อถือให้กับตัวแทนทุกท่าน รวมถึงทางทีมงานเราได้มีการทำ presentation เป็นไฟล์นำเสนอลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงข้อมูลได้ครบทุกด้าน แล้วก็นอกเหนือจากนั้นเรายังมี LINE ซึ่งประเทศของเรานิยมใช้กันมากก็คือ LINE OA (Official Account) เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารลูกค้าตั้งแต่ก่อนทำประกันจนถึงหลังทำประกัน รวมถึงการเข้าถึงผลประโยชน์และข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าได้ด้วย”
จาก ผลสำรวจ ของ We Are Social ในต้นปี 2565 ที่ผ่านมาพบว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่คนไทยใช้มากที่สุดในปีนี้คือ Facebook (92.8%) นอกจากนี้ TikTok ยังเป็นอีกช่องทางที่มาแรงสำหรับคนไทย (79.6%) ซึ่งสองแพลตฟอร์มนี้เอื้อให้คุณได้เล่าเรื่องราวและมอบประสบการณ์ความรู้ให้แก่ผู้อื่นได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบตัวอักษรหรือแบบคลิปวิดีโอก็ตาม นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างตัวตนของคุณในโลกออนไลน์ให้น่าเชื่อถือมากขึ้นและอาจทำให้ผู้มุ่งหวังติดต่อเข้ามาหาคุณเองได้โดยที่คุณไม่ต้องเอื้อมมือออกไปเลย ดังนั้น หากคุณลองขยายขีดจำกัดของตัวเองด้วยการเปิดเพจ Facebook หรือเปิดแอคเคาต์ TikTok เพื่อส่งมอบความรู้ในเรื่องของการเงินหรือวงการประกันให้แก่ผู้ที่สนใจก็เป็นแนวคิดที่สามารถนำไปต่อยอดได้เช่นกัน
พัฒนาชีวิตของคุณให้ดีขึ้น
เทคโนโลยีไม่ได้ช่วยเราทำงานได้อย่างเดียว แต่เทคโนโลยีสามารถช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เมื่อชีวิตเราง่ายขึ้น เราก็จะมีเวลาพัฒนาทักษะอื่น ๆ ได้มากขึ้นด้วย ซึ่งไม่ว่าโลกนี้จะมีสินทรัพย์รูปแบบใหม่ผุดขึ้นมามากมายเท่าไร แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เวลาคือสินทรัพย์ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้และมีค่าที่สุดในชีวิต ดังนั้น การจัดการเวลาชีวิตให้มีประสิทธิภาพจึงจะสามารถช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการจัดการบริหารเวลาของตัวเอง รวมไปถึงมีเวลาเหลือเพื่อพัฒนาทักษะอื่น ๆ
หากคุณอยากลองให้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาทักษะการบริหารเวลา ลองใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ที่คนไทยใช้มากที่สุดอย่าง Google ด้วยฟีเจอร์ Google Calendar เพื่อนัดหมายตารางเวลาร่วมกับคนอื่น หรือให้แอปนี้ช่วยเตือนให้คุณทำในสิ่งที่ต้องทำ ไม่เพียงเท่านี้ หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยหรือเป็นคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง สมัยนี้ก็มีแอปที่ช่วยดูว่าคุณ Productive หรือไม่ในแต่ละวัน เช่น แอป Time Doctor ที่ช่วยดูว่าคุณทำสิ่งที่ต้องทำครบแล้วหรือยัง ซึ่งวิธีนี้อาจช่วยทำให้คุณจัดการแบ่งเวลาได้ดีขึ้นและเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้นอีกด้วย เมื่อคุณทำในสิ่งที่ ‘ต้องทำ’ เสร็จแล้ว คุณก็สามารถทำในสิ่งที่ ‘อยากทำ’ ได้โดยไม่ต้องรู้สึกกังวลใจอีกต่อไป
“ตอนนี้ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยทำให้เราสามารถพูดคุย ได้เห็นหน้ากันทางออนไลน์ รวมถึงได้มีการนำเสนอทางออนไลน์และได้มีการเซ็นเอกสารทางออนไลน์ได้ด้วย ซึ่งจะทำให้เราทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น แล้วก็ในขนาดเดียวกันในเมื่อเราทำงานอยู่กับบ้านเราสามารถที่จะ work-life integration ได้ด้วย นั่นหมายความว่าเราสามารถที่จะทำงานและดูแลครอบครัวและลูก ๆ ไปได้พร้อมเพรียงกัน” คุณชัยมงคล กล่าวเสริม
นอกจากเวลาจะมีค่าสำหรับชีวิตเราแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควบคู่มากับเวลาก็คือสุขภาพนั่นเอง เพราะอย่างที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า “เงินใช้ซื้อของได้ แต่ใช้ซื้อเวลากับสุขภาพไม่ได้” ซึ่งเป็นความจริงทุกประการที่ไม่มีผู้ใดคัดค้าน ดังนั้น หากคุณสามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการกับสุขภาพของตัวเองตั้งแต่ตอนที่สุขภาพยังแข็งแรง อาจช่วยทำให้คุณรู้ทิศทางในการดูแลสุขภาพของตัวเองในอนาคตได้
แน่นอนว่า มีเครื่องมือมากมายที่ช่วยทำให้สุขภาพของคุณแข็งแรงขึ้นอย่างอุปกรณ์กีฬาหรือเครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ แต่เทคโนโลยีสมัยนี้สามารถเข้ามาช่วยพัฒนาสุขภาพของคุณอย่างใกล้ชิด โทรศัพท์มือถือบางเครื่องสามารถช่วยนับก้าวเดินในแต่ละวันของคุณหรือช่วยมอนิเตอร์การนอนของคุณ Wearable บางชิ้นสามารถช่วยดูสถิติด้านสุขภาพหรืออัตราการเต้นของหัวใจของคุณได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้คุณดูแลสุขภาพได้ง่ายขึ้นและสามารถพัฒนาตัวเองได้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ
พัฒนาความรู้ของคุณอย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากจะให้เทคโนโลยีช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคุณแล้ว เทคโนโลยียังช่วยพัฒนาให้คุณเป็นคนที่รู้กว้าง รู้ลึก และรู้จริงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งความรอบรู้เป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับอาชีพของเรา เพราะผู้มุ่งหวังหรือลูกค้าต่างก็คาดหวังให้คุณได้เข้าไปดูแลชีวิตของเขาและหวังที่จะพึ่งพาคุณในยามที่พวกเขาลำบาก หากคุณมีความรอบรู้ไม่เพียงพอหรือข้อมูลที่คุณมีไม่อัปเดตเท่าทันโลก อาจทำให้คุณดูไม่น่าเชื่อถือได้
แน่นอนว่า หากเป็นแต่ก่อน คุณคงต้องเข้าร้านหนังสือเพื่อหาความรู้ให้กับตัวเอง แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยให้คุณเข้าถึงความรู้เหล่านั้นได้ง่ายขึ้นและสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลการวิจัย ประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญแขนงต่าง ๆ หรือวิทยาการที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่งสามารถศึกษาหาข้อมูลได้จากบน Search Engine บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการฟัง Podcast หรือดู YouTube จากผู้เชี่ยวชาญก็ทำให้คุณมีความรู้เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน เพราะความรู้ในสมัยนี้หาง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก
สุดท้ายนี้ จงเพลิดเพลินไปกับมัน!
นอกจากเทคโนโลยีจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถ และพัฒนาชีวิตได้แล้ว สิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ เทคโนโลยีสามารถช่วยทำให้คุณคลายเครียดและใช้ชีวิตได้สนุกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้มีอุปกรณ์และเครื่องเล่นมากมายให้เลือกซื้อ คุณสามารถนอนดูหนังกับเพื่อน เล่นเกมกับครอบครัว หรือออกกำลังกายคนเดียวตามที่ต้องการ เพราะฉะนั้น อย่ามัวตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาความสามารถของตัวเองจนลืมแบ่งเวลามาผ่อนคลายร่างกายและสมองอันเหนื่อยล้าของคุณ มิเช่นนั้นพัฒนาการของคุณอาจไม่มีอะไรคืบหน้าเลยก็เป็นได้
จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การสื่อสารกับผู้อื่น หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิต ดังนั้น เราจึงหวังว่าคุณจะอ้าแขนเปิดรับเทคโนโลยีให้เข้ามาพัฒนาชีวิตของคุณในทุก ๆ ด้าน เพราะในฐานะผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องดูแลและเอาใจใส่ชีวิตของคนอื่น คุณจำเป็นจะต้องเดินหน้าก้าวนำคนอื่นและตามความเร็วของโลกนี้ให้ทันอยู่เสมอ
Contact: MDRTeditorial@teamlewis.com