ค้นพบว่าการทำความรู้จักลักษณะบุคลิกภาพของคุณสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณได้อย่างไร
การทำความรู้จักกับลักษณะบุคลิกภาพของคุณนับเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน การทำความเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และความชอบของตนเองสามารถช่วยให้คุณปรับแต่งรูปแบบการทำงาน การสื่อสาร และกลยุทธ์เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในบทบาทของคุณ
สมาชิก MDRT คุณหทัยทิพย์ กันสีเวียง กล่าวว่า “สำหรับดิฉันอันดับแรกคือเราต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเราก่อนว่าเรารักในอาชีพนี้ไหม ทำแล้วรู้สึกว่ามีคุณค่าหรือมีความสุขไหม จากนั้นก็ย้อนกลับมาประเมินทักษะของตัวเองว่าเพียงพอที่จะนำพาเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการรึเปล่า โดยอาจจะสำรวจจากการทำ smart goal หรือหลักการจัดการวางแผนทางการเงิน ด้วยกรอบการทำงานแบบ SMART เพื่อกำหนดเป้าหมายที่ Specific (ชัดเจน เฉพาะเจาะจง), Measurable (วัดผลได้), Achievable (บรรลุผลได้จริง), Relevant (มีความเกี่ยวข้อง) และ Time-bound (มีกรอบเวลาชัดเจน) และเดินไปตามแผนที่เราวางไว้ เช่น เราต้องการบรรลุ MDRT ภายใน 1 ปี ตรงนี้ก็จะเป็นแผนภาพรวมที่เราวางไว้และอยากไปให้ถึง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เราตั้งใจทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้”
โดยการตระหนักรู้ในตนเองนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณได้ดังนี้:
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: ลักษณะบุคลิกภาพมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อกับลูกค้า หากคุณเข้าใจบุคลิกภาพของตัวเอง คุณจะสามารถปรับรูปแบบการสื่อสารให้ตรงกับลักษณะของลูกค้าได้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นคนเปิดเผยโดยธรรมชาติและลูกค้าของคุณเป็นคนเก็บตัว คุณสามารถปรับวิธีการสื่อสารให้ค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น แทนที่จะพยายามตีสนิทกับพวกเขาทันที คุณอาจค่อย ๆ ทำความรู้จักและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขารู้สึกสบายใจและพร้อมที่จะเปิดใจให้กับคุณมากยิ่งขึ้น
สมาชิก MDRT คุณพลอยชฎา เกิดสะอาดยิ่งรวี กล่าวว่า “วิธีทำความรู้จักนิสัยตัวเองคือ การพูดคุยกับคนอื่นๆ เยอะๆ ให้บุคคลเหล่านั้น สะท้อนนิสัยของเรา เสร็จแล้วก็มานั่งทบทวนดูว่าความสัมพันธ์กับบุคคลเหล่านั้น เป็นยังไง เราใจร้อนไปไหม มีตรงไหนที่ต้องปรับปรุง อย่างเช่น ถ้าเราใจร้อนไปก็ลดลง ทำอะไรช้าลง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นทั้งปัญหาส่วนบุคคล หรือการทำงาน พอใจเย็นลงก็ทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่ะ”
การจัดการเวลา: บุคลิกภาพที่แตกต่างกันย่อมมีแนวทางการบริหารเวลาที่แตกต่างกัน หากคุณทราบนิสัยใจคอและแนวโน้มพฤติกรรมของตัวเอง คุณสามารถใช้กลยุทธ์การบริหารเวลาที่สอดคล้องกับแนวโน้มของคุณได้ ลักษณะบุคลิกภาพสามารถเปิดเผยได้ว่าโดยธรรมชาติแล้วคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นนักวางแผนหรือเป็นคนที่ลงมือทำเลย ยกตัวอย่างเช่น บางคนให้ความสำคัญกับรายละเอียดและชอบการวางแผนงานประจำวันอย่างพิถีพิถัน ในขณะที่บางคนก็มีความเป็นธรรมชาติและยืดหยุ่นมากกว่า การรู้ว่าคุณอยู่ในหมวดหมู่ใดสามารถช่วยให้คุณเลือกแนวทางการบริหารเวลาที่เหมาะกับสไตล์ของคุณได้ หากคุณเป็นนักวางแผน คุณอาจเลือกที่จะทำกำหนดการและรายการสิ่งที่ต้องทำโดยละเอียด ในทางกลับกันหากหากคุณเป็นคนที่ชอบลงมือทำเลย คุณอาจได้รับประโยชน์จากวิธีทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
การจัดการความเครียด: การรู้บุคลิกภาพของคุณสามารถช่วยให้คุณค้นพบตัวกระตุ้นความเครียดและวิธีตอบสนองภายใต้ความกดดันได้ ด้วยการตระหนักถึงปัจจัยเหล่านี้ คุณสามารถพัฒนากลยุทธ์ในการรับมือเพื่อให้มีสมาธิและมีสติในระหว่างสถานการณ์ทางการเงินที่ตึงเครียดได้ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้น ด้วยความรู้เกี่ยวกับลักษณะบุคลิกภาพของคุณ คุณสามารถพัฒนากลยุทธ์การรับมือกับความเครียดที่เหมาะสมกับคุณได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ (perfectionist) คุณอาจได้รับประโยชน์จากการตั้งเป้าหมายที่สมจริงมากขึ้นสำหรับตัวเองและหมั่นฝึกฝนความเห็นอกเห็นใจในตนเองเมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบวางแผน การสร้างกิจวัตรที่มีโครงสร้างและเทคนิคการบริหารเวลาสามารถช่วยให้คุณรู้สึกมีอำนาจในการควบคุมมากขึ้นในช่วงที่ตึงเครียด
การตั้งเป้าหมาย: นิสัยที่แตกต่างกันย่อมมีแนวทางในการกำหนดและบรรลุเป้าหมายที่แตกต่างเช่นเดียวกัน บางคนประสบความสำเร็จด้วยการตั้งเป้าหมายระยะยาวที่อาศัยความมุ่งมั่น ในขณะที่บางคนได้รับแรงบันดาลใจจากเป้าหมายระยะสั้นที่บรรลุได้ง่ายกว่า การทำความเข้าใจบุคลิกภาพของคุณสามารถช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจและประสิทธิภาพการทำงานของคุณ
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: การตระหนักรู้ในตนเองสามารถนำไปสู่ความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองและวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง การตระหนักถึงลักษณะบุคลิกภาพของคุณสามารถกระตุ้นให้คุณแสวงหาการฝึกอบรม หลักสูตร หรือทรัพยากรที่สอดคล้องกับจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณกลายเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่มีความรู้และความสามารถมากขึ้น
“ดิฉันเห็นคุณค่าของงานนี้ รู้ว่างานนี้เป็นงานที่มีคุณค่ามาก ๆ มีประโยชน์ต่อทุกคนที่ได้พบเจอ พอรู้แบบนี้ก็ทำให้ดิฉันเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะพัฒนาตัวเองเพื่อให้พร้อมที่จะนำความรู้ความสามารถของตัวเองไปช่วยผู้อื่นเสมอ และดิฉันก็พยายามสร้างผลงานชิ้นโบว์แดง เพื่อให้ลูกค้าประทับใจหรือเกิดความภาคภูมิใจที่มีเราคอยดูแล นอกจากนี้ดิฉันยังมี role model ที่สร้างแรงบันดาลใจให้งานสายนี้ คือ คุณปราโมทย์ ถิรมงคลชัย ที่เป็นหนึ่งในตำนานของวงการประกันในประเทศไทย และคำกล่าวที่ว่า “จงอย่าลดความฝันแต่จงเพิ่มขนาดของความพยายาม” ซึ่งดิฉันประทับใจมาก และรู้สึกว่าคนที่ทำตามคำกล่าวนี้ได้คือคุณปราโมทย์ จึงมีเขาเป็นตัวอย่าง ดิฉันเองก็เคยเจอเคสที่รู้สึกว่ายาก แต่เราก็รู้สึกว่าถ้าเราไม่ช่วยเหลือหรือไม่เข้าไปสื่อสาร ไม่ไปแก้ปัญหาให้ลูกค้า ปัญหาเขาไม่หมดไปแน่ ๆ ดังนั้นต่อให้รู้สึกว่ามันยากหรือความเป็นไปได้มันจะมีน้อย แต่เราก็ต้องลองทำสุดความสามารถก่อนเพราะเราเห็นคุณค่าของงานนี้” คุณหทัยทิพย์ กันสีเวียง กล่าวถึงวิธีสร้างแรงบันดาลใจในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
“วิธีสร้างแรงบันดาลใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานก็คือ การที่คิดถึงครอบครัว และก็สมาชิกในทีมค่ะ อยากเป็นตัวอย่างในการทำงานที่ดี อยากให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดี ทำให้มีแรงบันดาลใจในการตั้งใจทำสิ่งต่างๆ ออกมาให้ดีที่สุด อีกอย่างคือ การที่มีไอดอลในสายอาชีพ ก็ทำให้เราอยากที่จะทำให้ได้แบบเค้า ทำให้เราพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะประสบความสำเร็จแบบไอดอลที่เรานับถือค่ะ” คุณพลอยชฎา เกิดสะอาดยิ่งรวี กล่าวปิดท้าย
หากต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลักษณะบุคลิกภาพของคุณ ลองพิจารณาการประเมินบุคลิกภาพ เช่น ตัวบ่งชี้ประเภท Myers-Briggs (MBTI) ลักษณะบุคลิกภาพ Big Five หรือปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือโค้ชที่เชี่ยวชาญด้านการประเมินบุคลิกภาพ โปรดจำไว้ว่าบุคลิกภาพเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตระหนักรู้ในตนเอง และการรวมความรู้นี้เข้ากับทักษะอื่นๆ เช่น ความเชี่ยวชาญทางการเงินและความรู้ด้านตลาดนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ
Contact: MDRTEditorial@teamlewis.com