ภาพรวมวงการประกันภัยในปี 2566 และแนวโน้มในปี 2567
ปี 2566 ถือเป็นปีที่ท้าทายกับประเทศไทย เนื่องจากประเทศได้พบกับปัญหาต่าง ๆ ได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง เศรษฐกิจภายในประเทศมีสัญญาณชะลอตัว รวมไปถึงสภาวะการลงทุนในประเทศที่มีการปรับฐานลงมาค่อนข้างมาก แต่สำหรับธุรกิจการประกัน คุณพรชัย แม้นธนาวงศ์สิน สมาชิก MDRT เชื่อว่า ธุรกิจประกันยังสามารถเติบโตได้ดีโดยเฉพาะประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง เพราะคนให้ความสนใจกับประกันด้านสุขภาพมากขึ้น รวมถึงความคิดที่ว่า “การประกันยังถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สำคัญในช่วงนี้ที่ถือว่าเป็นตัวช่วยให้คนผ่านภาวะนี้ไปมากกว่าที่จะเป็นตัวถ่วงที่จะกระทบกับการใช้ชีวิต” คุณพรชัย กล่าว
ในส่วนของแนวโน้มปี 2567 คุณพรชัย สังเกตเห็นถึงการเข้ามาของผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในตลาดมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ที่แต่ละบริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทั้งการคุ้มครองโรคร้ายแรงแบบเจอ จ่าย หลายจบ โดยคุณพรชัย ให้ข้อสังเกตทีน่าสนใจไว้ว่า “ปัจจุบันวงงการประกันภัยปรับตัวเข้ากันโลกยุคใหม่ เช่น การให้บริการหลังการขายกับลูกค้าประกันสุขภาพอย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้นทั้งระบบออนไลน์ผ่านแอพลิเคชันต่าง ๆ ทำให้ลูกค้าพบแพทย์ผ่านออนไลน์ได้ง่ายขึ้น รวมไปจนถึงออฟไลน์อย่างโปรแกรมการดูแลสุขภาพที่จะทำให้ลูกค้ามีโอกาสได้รับส่วนลดในการชำระเบี้ยปีต่อ ๆ ไปหากมีการดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี อันจะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกค้าดียิ่งขึ้น และมองการประกันเป็นสิ่งที่ง่าย มีคุณค่า และใกล้ตัวมากขึ้นอีกด้วย”
อีกมุมหนึ่งที่มาแรงนอกจากด้านสุขภาพคือการลงทุน คุณพรชัย กล่าวเสริมอีกว่า “สัดส่วนของประกันชีวิตควบการลงทุนจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเรื่อย ๆ เนื่องจากในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำมาอย่างยาวนานแม้ในช่วงนี้จะมีการปรับขึ้นบ้างแต่ผลตอบแทนยังไม่เป็นที่น่าพอใจทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์จะลดความน่าสนใจลง ในขณะที่ลูกค้าเริ่มมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ๆที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้นและได้รับความคุ้มครองชีวิตที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นความคุ้มค่าอีกอย่างหนึ่งที่ลูกค้ามองหาในอนาคต”
ความท้าทายหลักจากเทรนด์ในวงการประกันในปีหน้า
คุณพรชัย ให้มุมมองความคิดไว้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้คนจะเริ่มให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเกษียณ การวางแผนสุขภาพ การวางแผนการศึกษาบุตร การวางแผนภาษี รวมไปจนถึงการวางแผนการลงทุน ดังนั้นที่ปรึกษาการเงินที่ดีควรจะเตรียมพร้อมรับกับกระแสเหล่านี้ให้ดี “โดยอาจจะเตรียมศึกษาถึงกระบวนการวางแผนการเงินแบบองค์รวมมากยิ่งขึ้น และหาจุดแข็งที่เป็นจุดขายของที่ปรึกษาการเงินแต่ละคนทั้งในส่วนของคุณวุฒิต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น MDRT, CFP, FCHFP เนื่องจากเชื่อว่าในอนาคตลูกค้าเริ่มรับรู้และเข้าใจอย่างเป็นวงกว้างมากขึ้นถึงคุณวุฒิต่าง ๆของที่ปรึกษาการเงิน ดังนั้นลูกค้าจึงมีแนวโน้มที่จะเลือกที่ปรึกษาการเงินที่เป็นมืออาชีพและเป็นตัวจริงในธุรกิจมากยิ่งขึ้น” คุณพรชัย กล่าว
วิธีติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ เพื่อให้เป็นที่ปรึกษาที่ทันสมัยอยู่เสมอ
คุณพรชัย แนะนำว่าสำหรับที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว เราควรมีการติดตามเทรนด์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะผ่านการอ่านข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมไปถึงการเข้าร่วมประชุมและสัมมนากับกิจกรรมต่าง ๆ เพื่ออัพเดทความรู้ใหม่ ๆ เป็นประจำและสร้างคอนเนคชันเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คุณพรชัย ยังเผยเทคนิคส่วนตัวอีกว่า “การสัมมนาที่มีประโยชน์และได้อัพเดทใหม่ ๆ ที่ผมอยากจะแนะนำ คือการเข้าฟังสัมมนาจากสมาคมนักวางแผนการเงินไทยซึ่งมักจะมีการให้ความรู้อย่างสม่ำเสมอ อีกสัมมนาที่สำคัญที่จัดเป็นประจำทุกเดือนจะเป็นงานสัมมนาวิชาการของสมาคมตัวแทนประกันชีวิต ที่จะมีวิทยากรชั้นนำระดับประเทศมาให้ความรู้กับเราอย่างต่อเนื่อง และหากคุณสามารถพิชิตคุณวุฒิ MDRT ได้แล้ว เราควรจะไปงานสัมมนา MDRT ประจำปีทุกครั้ง เพื่อมีโอกาสได้เรียนรู้กับวิทยากรที่เป็นที่ปรึกษาการเงินระดับโลก”
ทั้งนี้ คุณพรชัย ยังมีการเตรียมพร้อมอื่น ๆ สำหรับการพัฒนาตนเองให้กับเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในปีหน้าในแบบต่าง ๆ “สำหรับตัวผมเอง ผมมีการเตรียมความพร้อมกับเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2567 เป็นที่เรียบร้อย โดยทางผมและทีมงานจะมีการอัพเดทความรู้ถึงแบบประกันใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้เราจะมีการวางแผน Account Planning หรือมีกระบวนการวางแผนงานดูแลลูกค้าโดยทำการสรุปกรมธรรม์ให้กับลูกค้าที่เรามีการให้บริการ และทำการเข้าพบเพื่ออัพเดทแบบประกันที่ทันสมัย เพื่อที่จะได้ส่งมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมและดีที่สุดภายใต้งบประมาณที่เหมาะสมให้กับลูกค้า นอกจากนี้สำหรับในทีมงานที่ผมได้ดูแลอยู่ เราได้มีการพัฒนาความเป็นมืออาชีพให้กับทีมงานของเรา โดยเราได้สนับสนุนให้ทุกคนมีการเข้าไปอบรม CFP เพื่อพัฒนาความรู้ในการวางแผนการเงินแบบองค์รวมเพื่อที่จะสร้างความแตกต่างในตลาด และมีการวางเป้าหมายให้ที่ปรึกษาการเงินที่ตั้งใจจริงทุกคนสามารถพิชิตคุณวุฒิ MDRT เพื่อสร้างความมั่นใจและมีโอกาสมอบสิทธิพิเศษจากการเป็นสมาชิกให้กับลูกค้าทุกท่านครับ” คุณพรชัย กล่าวเสริม
การรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
แน่นอนว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนไป เทรนด์ประกันเก่า ๆ ก็จะตกยุคสมัยและแทนที่ด้วยรูปแบบการคุ้มครองใหม่ ๆ ที่เข้ามาแทนที่ อย่างเช่นที่ คุณพรชัย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า “เทรนด์การประกันในอดีตที่มองว่าตกยุคไปแล้วคิดว่าน่าจะมีอยู่ 2 สิ่ง อันแรกคือ การประกันสุขภาพแบบยุคเก่าที่มีการจำกัดวงเงินการรักษา เนื่องจากในปัจจุบันค่าการรักษาพยาบาลมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก อันจะทำให้แผนการประกันสุขภาพในอดีตไม่น่าจะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน โดยเราจะเห็นว่าในปัจจุบันจะมีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายออกมานำเสนอให้กับลูกค้าแทน อีกเทรนด์หนึ่งที่เริ่มตกยุคไปแล้วคือประกันโรคร้ายแรงที่เงื่อนไขการเคลมมีความซับซ้อนและคุ้มครองเฉพาะโรคร้ายแรงขั้นรุนแรงเท่านั้น แต่เทรนด์ยุคใหม่ เราจะเห็นแบบประกันที่คุ้มครองโรคร้ายแรงครอบคลุมมากยิ่งขึ้นทั้งโรคร้ายแรงขั้นต้นต่าง ๆ รวมไปถึงให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมต่อเนื่องหลังจากมีการเคลมโรคร้ายแรงขั้นรุนแรงไปแล้วไปคุ้มครองยังโรคร้ายแรงอื่น ๆ หรือแบบที่เรียกว่า “เจอ จ่าย หลายจบ” เพิ่มมากขึ้นในอนาคต”
ทั้งหมดนี้คือความเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในการตอบสนองความต้องการของตลาด หรืออีกแง่หนึ่งก็คือความต้องการของผู้บริโภค ที่ล้วนมองหาประโยชน์สูงสุดให้แก่ตัวเอง “ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์กับลูกค้าสูงสุด เราในฐานะที่ปรึกษาการเงินจึงควรที่จะไปปรับปรุงกรมธรรม์ที่ลูกค้าถืออยู่ให้ทันสมัย มีความคุ้มครองที่สูงขึ้น ครอบคลุมและคุ้มค่ากับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากเราอยากที่จะเป็นผู้นำท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเช่นนี้ เราจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและพร้อมรับมือกับเทรนด์ใหม่ๆ อยู่ตลอดโดยยึดหลักสำคัญคือการสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าสูงสุดและวางแผนต่างๆ โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ” คุณพรชัย กล่าวปิดท้าย
Contact: MDRTEditorial@teamlewis.com